Promotion
Trick : > คลิกเลือกประเภทเพื่อกรองเนื้อหาที่โดนใจคุณได้ง่าย ๆ
5 เทคนิค เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง

แอดมินเชื่อค่ะว่าทุกคนต้องเคยเจอปัญหากับการไม่เก่งอังกฤษแน่ๆ แล้วแบบนี้จะทำอย่างไงดี!?

แต่ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะวันนี้แอดเลยจะมาแนะนำ 5 เทคนิค เรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ที่ทำได้ง่าย สามารถช่วยให้ทุกคนเก่งภาษาอังกฤษขึ้นอย่างแน่นอนมาฝากกันค่ะ~

..........

1. เรียนรู้จากสื่อรอบๆ ตัว

เป็นเทคนิคที่สามารถทำได้ง่ายๆ จากสื่อที่อยู่รอบๆ ตัว ยกตัวอย่างพวก ภาพยนตร์ เพลง และข่าว ที่สามารถช่วยฝึกทักษะการฟังได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ และหากหมั่นฝึกฝนการฟังอย่างสม่ำเสมอ หูของเราก็จะเริ่มคุ้นเคยกับสำเนียงของเจ้าของภาษา นอกจากนี้ การฟังบ่อย ๆ ยังช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์ และสำนวนภาษาที่สามารถนำไปใช้ได้จริงอีกด้วยค่ะ

..........

2. ฝึกออกเสียงด้วยการร้องเพลง

เป็นวิธีที่สายนักร้องห้ามพลาด เตรียมหยิบไมค์ขึ้นมาได้เลย เพราะวิธีนี้จะช่วยให้เราได้ฝึกทักษะการออกเสียงภาษาอังกฤษด้วยเหมือนกันค่ะ เพราะการร้องเพลงจะช่วยฝึกการหัดออกเสียงแบบเพลิน ๆ โดยที่แทบไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังหัดพูดภาษาอังกฤษอยู่ แต่เสียงเพี้ยนไหมนั้นอีกเรื่องนะ ระวังข้างบ้านด้วยนะคะ 

..........

3. ใช้แอปพลิเคชั่นเพื่อฝึกทักษะ

โอ้โฮ! วิธีเรียกว่า Easy สุดๆ แค่ทุกคนหยิบมือถือขึ้นมา แล้วเข้าได้ที่ตัวดาว์นโหลดแอปพลิเคชั่น ก็จะมีแอปขึ้นมาเต็มไปหมด แต่วันนี้แอดจะมาแนะนำแอปพลิเคชั่น 2 ตัว ที่น่าสนใจมาให้กับทุกคนดีกว่า

Google Translate แอปพลิเคชั่นแปลภาษาขวัญใจใครหลายๆ คน เพราะด้วยฟังก์ชั่นการแปลภาษาที่มีให้แปลหลายภาษา แถมยังสามารถสแกนเพื่อแปลภาษาให้เราได้อย่างง่ายดาย ซึ่งถ้าใครสนใจสามารถดาว์นโหลดได้ตามนี้เลยค่ะ 

Android >>คลิ๊ก<<

iOS >>คลิ๊ก<<

LearnEnglish Podcasts app แอปพลิเคชั่นที่เหมาะมากคนที่อยากฝึกฝนการฟังและอ่านผ่านหัวข้อที่หลากหลาย นอกจากนั้นยังสามารถเรียนรู้ศัพท์ใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้คุ้นชินกับการออกเสียงคำต่าง ๆ อีกด้วยค่ะ ซึ่งถ้าใครสนใจสามารถดาว์นโหลดได้ตามนี้เลยค่ะ 

Android >>คลิ๊ก<<

iOS >>คลิ๊ก<<

..........

4. เรียนคำศัพท์ใหม่ๆ อยู่เสมอ

เป็นวิธีที่อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ผลลัพธ์ออกมาดีแน่นอนค่ะ โดยแนะนำให้ทุกคนลองเขียนคำศัพท์ 10 คำ ลงในกระดาษและลองอ่านออกเสียงดู หรืออาจทำบัตรคำศัพท์เพิ่มด้วย เพื่อให้จดจำคำศัพท์ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น อยากให้ทุกคนพยายามเรียนรู้คำศัพท์ จดจำคำศัพท์ และใช้คำศัพท์เหล่านั้นบ่อยๆ อาจลองใช้คำศัพท์มาพูดคุยในชีวิตประจำวัน หรืออาจลองทำ word map หรือ word list และเชื่อมโยงคำศัพท์ต่าง ๆ หรือลองจดจำเป็นหมวดหมู่ดูจะช่วยให้จดจำได้ง่ายขึ้น อาทิ หมวดหมู่หนังสือ น้องๆ ก็จะนึกถึงคำอื่น ๆ ด้วย อย่าง title, publisher, image, spine, blurb, author, hardback และ paperback เป็นต้น

ตัวอย่าง word map

..........

ตัวอย่าง word list

..........

5. อ่านเรื่องสั้นตามระดับภาษาของตัวเอง

ให้ทุกคนลองหาเรื่องสั้นต่างๆ ลองมาอ่านดูค่ะ เพราะใช้เวลาไม่นานแถมยังมีความสนุกสนานและความรู้ภาษาอังกฤษ นอกจากนี้ทุกคนอาจหา audiobook มาเสริมการอ่านของตัวเอง วิธีนี้จะช่วยทำให้การอ่านนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยเรื่องการฟังไปพร้อม ๆ กันค่ะ อย่าง Red Rubber Ball,  Barking Dog เป็นต้น หรือใครอยากหาเรื่องสั้นไว้อ่านเพิ่มเติมก็สามารถไปตามอ่านได้จากเว็บไซต์ Scholarship ที่มีให้เลือกแบบหลากหลายกันเลยทีเดียวค่ะ

........... 

เป็นอย่างไงบ้างคะ กับเทคนิคที่แอดมินได้มาแนะนำ แต่นี้ยังเป็นแค่บางส่วนนะคะ การฝึกพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษนั้นยังมีวิธีอีกมากมายได้ให้ทุกคนได้ลองเรียนรู้ อย่างเจ้า

หนังสือ Easy Note อังกฤษ ม.ปลาย มั่นใจเต็ม 100

หนังสือ Easy Note อังกฤษ ม.ปลาย มั่นใจเต็ม 100

หนังสือที่เหมาะกับน้องม.ปลาย ที่ได้สรุปเนื้อหาวิชาภาษาอังกฤษ ม.ปลาย ในรูปแบบ Short Note ช่วยให้เข้าใจง่าย อัดแน่นด้วยเทคนิคต่างๆและจุดสังเกตุต่างๆที่ควรรู้ มาพร้อมแบบทดสอบและตัวอย่างข้อสอบจากแนวข้อสอบจริงปีล่าสุด

ส่วนน้องๆ ม.ต้น ไม่ต้องน้อยใจไปนะคะ ยังมีหนังสือที่เหมาะกับน้องๆ ม.ต้น อีกด้วย นั้นก็คือ  

หนังสือ Note สรุปหลักภาษาอังกฤษ ม.ต้น ติวเข้มก่อนสอบ

หนังสือ Note สรุปหลักภาษาอังกฤษ ม.ต้น ติวเข้มก่อนสอบ

เป็นหนังสือที่ได้สรุปกฎไวยากรณ์โดยลำดับเนื้อหาจากง่ายไปหายาก อธิบายด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย สั้น กระชับ จึงเหมาะสำหรับนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลาย รวมทั้งผู้อ่านทั่วไปที่ต้องการจะพัฒนาทักษะการใช้ภาษาอังกฤษไม่ว่าจะเป็นการฟัง พูด อ่าน หรือเขียน เพื่อให้เกิดความถูกต้องแม่นยำได้เหมือนเจ้าของภาษา

..........

ครั้งหน้าแอดมินจะมีเคล็ดลับอะไรดีๆ มาฝากกันอีก อย่าลืมติดตามกันได้ที่ เพจ Dek-Keng.com - เด็กเก่งดอดคอม  และถ้าใครสนใจก็สามารถซื้อหนังสือกดลิงค์ได้เลยที่ Serazu.com หรือ Line@ ตาม QR Code ข้างล่างนี้ได้เลยค่ะ

ที่มา : British Council, Campus, Scholarship