กุญแจแห่งความสำเร็จที่เรานำมาแนะนำมีชื่อว่า "การเรียนรู้แบบองค์รวม" ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับการท่องจำแบบอัดๆ ข้อมูลเข้าไปในหัวสมอง การเรียนรู้แบบองค์รวมจะช่วยให้เกิดการเชื่อมต่อระหว่างความคิดและข้อมูลต่างๆ ทำให้เราจดจำได้ดีขึ้นในระยะยาว และช่วยเพิ่มทักษะในการคิดวิเคราะห์ด้วยค่ะ
1. แปลงข้อมูลให้เป็นรูปภาพ
สมองคนเราสามารถจดจำภาพได้ดีกว่าข้อความ ดังนั้น การแปลงข้อมูลต่างๆ ให้เป็นรูปภาพ จะทำให้เราสามารถจำได้ดีขึ้น รูปภาพในที่นี้รวมถึงแผนภูมิแท่ง แผนภูมิวงกลม แผนที่ความคิดด้วยนะคะ ลองฝึกจดแลคเชอร์โดยมีรูปประกอบดู แล้วจะพบว่ามันจำง่ายกว่าข้อความติดกันเป็นพรืดๆ เยอะ
2. เชื่อมโยงความรู้ใหม่เข้ากับความรู้เก่า
ในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ให้พยายามโยงเข้ากับพื้นความรู้เดิมที่มีอยู่แล้ว จะช่วยให้เราสามารถเข้าใจสิ่งใหม่ที่เรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น เช่น คำว่า ‘sue’ ซึ่งแปลว่า ฟ้องร้อง ออกเสียงคล้ายๆ ‘สู้’ ในภาษาไทย เราก็จำแบบเชื่อมโยงว่า sue คือ สู้กันในศาล = ฟ้องร้อง แบบนี้ก็จะช่วยให้จดจำได้ในระยะยาว
3. ติวให้เพื่อน
การติวให้คนอื่น นอกจากจะเป็นการทบทวนความรู้ของเราอีกรอบแล้ว ในระหว่างเรียบเรียงเพื่อนำไปอธิบายให้เพื่อนเข้าใจ สมองของเรายังมีการพัฒนาปรับปรุงสิ่งที่เรียนรู้ไป ให้มีการจัดวางอย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น และทำให้เราเข้าใจความรู้เหล่านั้นลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นไปอีก แถมยังสนิทกับเพื่อนมากขึ้นอีกด้วยนะ
4. หลีกเลี่ยงการจดโน้ตด้วยข้อความล้วนๆ
เชื่อว่าหลายคนคงเคยหลับคาตำราเรียนเล่มหนาๆ กันมาแล้วไม่มากก็น้อย เพราะตัวหนังสือที่ติดกันยาวๆ อ่านแล้วมันช่างน่าเบื่อสุดๆ เพราะแบบนั้นเวลาที่เราจดโน้ตไว้อ่านทบทวนเองก็ไม่ควรเขียนเฉพาะตัวหนังสือ ลองวาดภาพ เขียนกราฟ เขียนแผนภูมิแทรกลงไปบ้าง ใช้ปากกาสีหรือไฮไลท์ให้เด่น จะช่วยให้เราอยากอ่านมากขึ้นเวลาหยิบมาทบทวน
5. วางรากฐานให้มั่นคง
เวลาเริ่มต้นเรียนใหม่ๆ ส่วนใหญ่เนื้อหาจะง่ายใช่ไหมคะ แต่พอเรียนไปเรื่อยๆ ยิ่งเรียนก็ยิ่งยากขึ้น และทำให้งุนงงสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนพอไม่เข้าใจจุดหนึ่งก็ปล่อยผ่านไป แล้วข้ามไปอ่านอีกเรื่อง แบบนั้นมักจะยิ่งทำให้งงมากขึ้นค่ะ เพราะเนื้อหาในบทเรียนส่วนใหญ่จะเชื่อมโยงกัน ฉะนั้น ถ้าอยากจะเข้าใจบทเรียนทั้งหมดได้โดยไม่สับสน การค่อยๆ เรียนรู้ไปทีละสเต็ปจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
6. อ่านบทสรุปก่อนเริ่มเรียน
หากวิชาไหนมีบทสรุป ก่อนจะเริ่มอ่านเนื้อหาหรือเรียนในคาบถัดไป แนะนำว่าให้อ่านบทสรุปไปก่อนล่วงหน้า เพราะจะช่วยให้เห็นภาพรวมของเนื้อหาทั้งหมดก่อน และเมื่อย้อนกลับมาไล่อ่านอีกครั้งก็จะทำให้เข้าใจได้ดียิ่งขึ้น อย่างน้อยเผื่อเวลาสัก 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมงก่อนเข้าคลาสเพื่อเตรียมตัวไว้ก็ดีนะ
7. ตั้งใจฟังในห้องเรียน
บางคนเวลาเรียนในห้องมักจะชอบก้มหน้าก้มตาจดตามสไลด์ หรือจดตามสิ่งที่อาจารย์สอนแบบทันบ้างไม่ทันบ้าง ซึ่งการจดก็ถือเป็นวิธีช่วยจำที่ดี แต่! อย่าลืมเผื่อสมาธิไว้ใช้กับการฟังและคิดวิเคราะห์ตามด้วย บางคนจดมาเยอะก็จริง แต่พอกลับมาอ่านทวนกลับไม่เข้าใจซะงั้น เพราะมัวแต่จดแทบไม่ได้ฟังที่อาจารย์สอนเลย บางทีอาจารย์บอกว่าตรงนี้จะออกสอบหรือเน้นย้ำหัวข้อไหนเป็นพิเศษ ถ้าไม่ได้ตั้งใจฟังเราก็อาจจะพลาดได้นะ
8. ฝึกจับประเด็น
การจับประเด็นไม่ใช่แค่การย่อความหรือสรุปความแต่เป็นการวิเคราะห์ให้แตกฉานว่าอะไรคือหัวใจหลักของสิ่งที่เขียนอยู่ในหนังสือหรือสิ่งที่อาจารย์พูด ยกตัวอย่างเช่นเรารู้ว่านิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าเกิดขึ้นยังไง เล่าได้ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ประเด็นของเรื่องไม่ใช่ว่าใครถึงเส้นชัยก่อนกันแต่คือคนเล่าต้องการจะสอนให้เราไม่ประมาทและเหลิงไปกับความสามารถของตนเองต่างหาก
ขอบคุณข้อมูลจาก : hotcourses