ในวันนี้ขอหยิบข้อคิดการทำธุรกิจแอปพลิเคชันให้เติบโตไวและประสบความสำเร็จ สไตล์ Tech Startup ชื่อดังอย่างแอปพลิเคชัน UBER ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก

บทความนี้ รวบรวมโดย จอร์จ เบอร์โควสกี้ (George Berkowski) นอกจากที่เขาเป็นผู้ประกอบการธุรกิจ Tech Startup แล้วเขายังเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง HOW TO BUILD A BILLION DOLLAR APP สร้างแอปอย่างไรให้ได้พันล้าน

สรุปเนื้อหาใจความหลักจากบทความเรื่อง 41 Lessons from Uber’s success ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการประสบความสำเร็จของแอปพลิเคชัน UBER (อูเบอร์) ได้หลายข้อ เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานของเราทุกคน มาดูกันว่ามีข้อคิดไหนที่เราจะหยิบมาใช้ได้บ้าง

1. ลูกค้าต้องมาก่อน (Put users first)



ในเคสของธุรกิจ UBER ใครๆ ก็อยากได้การเดินทางที่รวดเร็ว สะดวกสบายในราคาที่เหมาะสม เราต้องพยายามมองไปให้ไกลถึงสิ่งที่คนต้องการหากสิ่งนั้นถูกสร้างขึ้นมาจริงๆ อย่ามองเพียงแค่สิ่งที่พวกคนคิดว่าตัวเองต้องการมันแค่ตอนนี้

2. จ้างนักจัดการมือฉมัง (Hire an operations wizard)



ถ้าธุรกิจของคุณเกี่ยวข้องกับการจัดการก็ควรหาคนที่มีความสามารถมารับหน้าที่ดูแล หากคุณต้องการที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วก็ควรจะหาใครสักคนที่มีประสบการณ์อันช่ำชอง

การจ้างที่แพงที่สุดของ UBER คือการดึงตัว Kees Koolen อดีตกรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการของ Booking.com มาร่วมงาน Kees ขยายกิจการของ Booking ไปได้ถึง 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเข้าไปทำให้ UBER กลายเป็นธุรกิจมูลค่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่าลืมว่า “ประสบการณ์มีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ”

3. หาหุ้นส่วนทางธุรกิจ (Partner up)



UBER ดำเนินงานหลายระดับในแต่ละเมืองที่เข้าไปขยายกิจการ โดยส่วนใหญ่จับมือเป็นพันธมิตรกับผู้ดำเนินกิจการที่มีอยู่แล้ว นั่นหมายความว่า UBER ไม่จำเป็นต้องถูกควบคุมนักเพราะมีคู่ค้าทางธุรกิจอยู่ในความร่วมมือ

4. อย่าให้ซัพพลายเออร์อยู่ไกลเกินไป (Don’t push your suppliers too far)



ผู้ที่เริ่มต้นลงมือและทำผลกำไรได้ก่อนย่อมสามารถขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและแสดงให้เห็นว่าคุณจะถูกเบียดออกจากสนามการแข่งขันยาก แต่คุณต้องระวังไม่ให้ซัพพลายเออร์อยู่ไกลเกินสายตา เพราะว่าทรัพยากรหลักเหล่านี้สามารถที่จะหักหลังคุณได้

UBER รู้ว่าการเติบโตหลักของธุรกิจมาจากผลิตภัณฑ์แนวประหยัดต้นทุนอย่าง UberX และ UberPOP นั่นหมายความว่าในอัตราค่าบริการที่ต่ำแต่มีสัดส่วนมากนั้นส่วนแบ่งมักไปอยู่ในกระเป๋าคนขับมากกว่าเป็นเงินเข้าบริษัทเมื่อเทียบกับการให้บริการแบบพรีเมี่ยม แต่ UBER ก็ยังจำเป็นต้องเก็บกลุ่มคนขับเหล่านี้ไว้ไม่ให้ไปไกลจากสายตา

5. ปรับปรุงผลิตภัณฑ์อยู่เสมอ (Adapt your products)



UBER ค้นพบอย่างรวดเร็วว่า อะไรที่ได้ผลกับเมืองหนึ่งอาจไม่ได้ผลกับอีกเมืองหนึ่งเสมอไป อย่างเช่น ในนิวยอร์กที่ธุรกิจไม่สามารถเข้าไปแข่งกับแท็กซี่เหลืองเจ้าถิ่นได้เลย แต่ UBER สามารถให้บริการรถตามความต้องการอย่างพรีเมียมคาร์ได้ดีกว่า หรืออย่างในลอสแอนเจลิสที่แทบจะไม่มีแท็กซี่

การมีบริการเรียกรถมารับถึงที่จึงกินขาด ในทางตรงกันข้ามที่ลอนดอน UBER ไม่สามารถพาพรีเมียมคาร์เข้าไปแข่งขันกับการให้บริการรถหรูที่มีอยู่แล้วในตลาด จึงผลักดัน UberX ที่มีราคาถูกและสะดวกสบายกว่ามาเป็นทางเลือกให้ลูกค้าแทน

6. ปกป้องผลกำไร (Defend your margins)



โดยส่วนใหญ่แล้ว UBER คิดส่วนแบ่งรายได้เป็น 20% จากการให้บริการต่างๆ และคิด 30% จากผลิตภัณฑ์บริการประเภท UberLUX และ UberRUSH ขึ้นอยู่กับว่าผลิตภัณฑ์ไหนควรจะคิดส่วนแบ่งรายได้การให้บริการที่ต่ำกว่า เช่น UberX ที่คิดเพียง 5% นี่ทำให้โครงสร้างการทำธุรกิจมีความตื่นเต้นและน่าสนใจในหลายๆ มุมมอง

7. สินค้าดี จะขายได้ด้วยตัวของมันเอง (A good product sells itself)



ที่จริงแล้วแท็กซี่เป็นที่นิยมอยู่เพียงแค่ไม่กี่เมืองในโลก ที่เหลือส่วนใหญ่มักห่างไกลจากความสะดวกสบายและไม่เป็นที่นิยม รถของ UBER จึงออกแบบมาให้ดูดีและสะอาด ผู้โดยสารจะได้รับน้ำและหนังสือพิมพ์ นี่คือสิ่งที่ UBER สามารถให้แก่ผู้โดยสารได้ต่างจากคู่แข่งรายอื่น ใครจะไม่อยากนั่งรถที่ดีกว่ากันล่ะ

8. ขยายให้เร็ว (Expand fast)



UBER ส่งคนแค่คนเดียวเข้าไปในแต่ละเมืองในการสร้างความร่วมมือกับคนในพื้นที่เพื่อให้ได้พันธมิตรทางธุรกิจที่เร็วขึ้น มีโทรศัพท์ให้สำหรับใช้ติดต่อและนำทาง นี่จึงเป็นการสร้างแบบทดสอบการให้บริการได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจึงตามมาด้วยการตลาด การเข้าถึงลูกค้า ขยายการเติบโตและทำกำไร

9. การกำหนดราคา (Control pricing)



ราคาที่ขึ้นๆ ลงๆ ของ UBER เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมากแม้ว่ามันจะให้ความรู้สึกกดดันหน่อย คุณลักษณะนี้ของแอปพลิเคชันไม่เพียงแต่ช่วยแบ่งสรรปันส่วนคนขับให้ลูกค้าในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่ยังเป็นส่วนเพิ่มจุดจูงใจให้คนขับให้เข้ามาร่วมให้บริการแก่ลูกค้าในช่วงเวลาหนาแน่นอย่างคืนวันศุกร์และวันเสาร์ได้เป็นอย่างดี

10. ทำทุกอย่างให้ง่ายเข้าไว้ (Keep it simple)



มีครั้งหนึ่งที่ UBER ได้ปรับเปลี่ยนดีไซน์การใช้งานแอปพลิเคชันฝั่งคนขับรถครั้งใหญ่ บทเรียนคืออย่าเปลี่ยนหน้าตาของสินค้าเว้นแต่ว่ามันจำเป็น เช่น ทำให้เร็วขึ้น ดีขึ้น แข็งแรงขึ้น อย่าเปลี่ยนดีไซน์เพียงเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ทางดีไซน์

สำหรับคนขับแล้วการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดคือการทำความรู้จักกับระบบนำทางแบบเลี้ยวต่อเลี้ยวอันเป็นคุณลักษณะของอุปกรณ์นำทาง GPS บนแอปพลิเคชันเมื่อ UBER ได้เป็นพาร์ทเนอร์กับทางกูเกิ้ล UBER จะไม่ยอมเปลี่ยนแปลงดีไซน์ของแอปพลิเคชันแน่ถ้าไม่ใช่ด้วยเหตุผลนี้

และในทั้งหมดทั้งมวลนี้ คือ 10 ข้อคิดจากแอปพลิเคชัน UBER (อูเบอร์) ชืื่อดัง ที่เป็นประโยชน์ในการนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจแอปอื่นๆได้มากมาย

---

ยังมีเนื้อหาอื่นๆอีก ที่เป็นปัจจัยในการประสบความสำเร็จแอปพลิเคชันพันล้าน ที่เขียนแต่งโดยจอร์จ เบอร์โควสกี้ (George Berkowski) รวบรวมอยู่ในเล่มนี้ ที่เดียว
v
v
v

หนังสือ HOW TO BUILD A BILLION DOLLAR APP



จอร์จ เบอร์โควสกี้ เป็นผู้ประกอบการที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายสมรภูมิรบ สร้างทั้งธุรกิจการเดินทางท่องเที่ยวในอวกาศ การนัดเดทออนไลน์ การขนส่งและแอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ เขาเป็นหนึ่งในหัวเรี่ยวหัวแรงเบื้องหลังแอปเรียกแท็กซี่ Hailo ที่ประสบความสำเร็จในระดับสากล โดยเป็นผู้นำทีมผลิตภัณฑ์ของบริษัทจนถึงเดือนกันยายน ค. ศ. 2013 จอร์จศึกษาเกี่ยวกับวิศวกรรมยานอวกาศและเศรษฐศาสตร์ที่ Massachusetts Institute of Technology (MIT) และ ศึกษาธุรกิจที่ École Supérieure de Commerce de Paris



เขายังเป็นประธานให้กับ Enterprise Forum ของ MIT ในสหราชอาณาจักรและยังมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือสตาร์ทอัพทั้งในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาอีกด้วย



โดยใครที่สนใจ ข้ออมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับจอร์จและรับข้อมูลอัพเดทเกี่ยวกับโลกของแอปพันล้านเหรียญที่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่เคยหยุด สามารถติดตามได้ที่ mybilliondollarapp.com
หรือยังร่วมสนทนาผ่านทาง Twitter โดยฟอลโลว์ @georgeberkowski หรือใช้แฮชแท็ก #BILLIONDOLLARAPP ได้อีกทาง





ส่วนใครที่สนใจหนังสือ ที่แปลโดยภาษาไทยและเรียบเรียงสละสลวยน่าอ่าน คุ้มค่าคุ้มราคา แถมมีส่วนลดพิเศษอีกมากมาย อย่ารอช้า สามารถสั่งซื้อได้ที่ serazu.com

หรือติดต่อ
Tel. : 0847003219
Line@ : @serazu
Website: www.serazu.com
E-mail : cc@serazu.com