เขียนโดย KEN FISHER แปลโดย ศุภานัน สนามชัย พิมพ์โดย #Thinkbeyondbook ดูชื่อหนังสือ แล้วน่าสนใจ หุ้น10เด้ง ต้องมีหลักเกณฑ์อย่างไร ยิ่งเห็นชื่อคนเขียน KEN FISHER แล้วรับประกันได้ว่าหนังสือเล่มนี้ดีจริง เพราะ คุณพ่อ เป็นผู้นำหลักการลงทุนหุ้นGrowth Stockมาให้วอร์เรน บัฟเฟตต์ใช้
Part 1 องค์ประกอบของ SUPER STOCK
• หุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงส่วนใหญ่เป็นหุ้นบริษัทใหม่ๆที่กำลังเติบโต และยังไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน
• นักลงทุนเริ่มให้ความสนใจ และ เริ่มเห็นมูลค่าที่แท้จริง ทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น
• บริษัทใหม่ๆมักจะมีการเติบโตแบบCycle ซึ่งบางจังหวะที่กระตุก(Glitch) ทำให้กำไรลดลง ราคาหุ้นเลยลดลงแรง
• บริษัทที่กำลังเติบโต Glitch อาจเกิดขึ้นได้หลายครั้ง และ ห่างกันหลายปี ทำให้ราคาหุ้นผันผวนมากกว่ากำไรของบริษัท
• ถ้าเรารู้จักใช้ประโยชน์จากการเกิด Glitch และเข้าซื้อหุ้นในราคาที่เหมาะสม ก็สามารถทำกำไรก้อนโตจากSUPER STOCKได้
• หุ้นที่เราพูดถึง ต้องเป็น บริษัท SUPER COMPANY ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหายอดขายสินค้าที่ขายดีแต่ไม่เติบโตต่อ และสามารถหาสินค้าใหม่มาเติมได้เสมอ
• ผู้บริหารเรียนรู้ข้อผิดพลาด และจะไม่ปล่อยให้เกิดปัญหาเดิมซ้ำอีก
• กุญแจสำคัญในการซื้อหุ้น คือ เราต้องรู้ราคาหุ้นตอนนี้ ถูก หรือ แพง และเข้าใจเรื่องราคาหุ้นขยับตัวขึ้น ลง ได้
• จังหวะดีที่สุดในการเข้าซื้อ SUPER STOCK คือ ตอนตลาดมองในแง่ลบ ซึ่งเกิดจากปัญหาภายในของบริษัท ราคาหุ้นลงมาเยอะ
• ฝืนใจซื้อหุ้นสวนตลาด ซึ่งมันยากมาก
Part 2 การประเมินหุ้น การประเมินหุ้นแบบดั้งเดิม
• วิธีประเมินราคาหุ้นที่คนนิยมมากสุด คือ ดูรายได้และAssetของบริษัท มีวิธีอ่านหลายวิธี
• ในหนังสือบอกว่า ส่วนมากวิธีอ่านที่คนส่วนใหญ่ใช้เป็นวิธีที่ผิด เราไปหาจุดอ่อนของแต่ละวิธีกันครับ
การหาหุ้น PE ต่ำ เพื่อหาหุ้นที่ราคาต่ำกว่ามูลค่าจริง เชื่อว่า ราคาหุ้นก็จะตกไม่เยอะ และ เดี๋ยวจะกลับขึ้นมาใหม่ ทฤษฏีนี้มีจุดโหว่อยู่ 3 จุด คือ
• การคาดการณ์ Earning per share (EPS) ให้แม่นยำเป็นเรื่องยาก
• ปัจจัยในการคำนวณ Earning เช่น ข้อมูลทางบัญชีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ที่นิ่งสุดคือCash ส่วนข้อมูลอื่นมักมาจากการคาดคะเนมูลค่า
• ถึงแม้คำนวณearningได้แม่นยำ แต่วิธีนี้ก็ทำกำไรได้ไม่เยอะ อาจได้1เด้ง แต่จะได้10เด้งยาก
หุ้นเติบโต (Growth Stock) มีจุดอ่อน สองจุดคือ
• การคาดการณ์ตัวเลขEarning ยากมาก
• ต่อให้คำนวณถูกต้อง ก็ไม่ได้แปลว่าหุ้นจะขึ้นตาม
แนวทางของ เบน เกรแฮม ยอดเยี่ยมแต่ยังดีไม่พอ
• แนวทางเกรแฮม คือ ซื้อหุ้นที่คาดการณ์กำไรโต ตอน PE ต่ำ ถือไว้2ปี หรือ จนกว่ามูลค่าเพิ่มขึ้น 50%
• ซึ่งไม่ใช่แนวทางของหุ้นสิบเด้ง ต้องถือลงทุนระยะยาว 3-5 ปี
หนังสือแนะนำวิธีใหม่ในการประเมินมูลค่าหุ้น Fisher เสนอวิธีการประเมินมูลค่าหุ้น โดยการใช้ Price Sales Ratio (PSR) โดย PSR คำนวณคล้ายกับ PER คือ Market Cap/Sales Fisher บอกหลักการเลือกหุ้นSuper stockดังนี้
• บริษัทเติบโตในระยะยาวเฉลี่ย 15-20%
• สามารถทำกำไรเฉลี่ยในระยะยาว หลังTax ได้มากกว่า 5%
• เข้าซื้อตอนที่ PSR =< 0.75
Fisher บอกถึงกฎการซื้อ Super stock โดยใช้ PSR ทำให้กำไร 3 ถึง 10 เด้งในระยะเวลา 3-5 ปี ดังนี้
• หลีกเลี่ยงการซื้อหุ้นตอน PSR สูงกว่า 1.5ขึ้นไป
• ซื้อตอน PSR ต่ำกว่า 0.75 เท่า และถือยาวๆ
• ขายหุ้นตอน PSR อยู่ระหว่าง 3-6 เท่า
PRICE RESEARCH RATIO (PRR) คือ มูลค่าตลาดของบริษัท/ค่าใช้จ่ายสำหรับการวิจัยตลาด เป็นอีกค่าที่เอาไว้ใช้สำหรับหุ้นเทคโนโลยี ดูว่าบริษัทลงทุนกับการวิจัยสินค้าไปเท่าไหร่ PRR สามารถช่วยเราอุดรูรั่วได้สองทางคือ
• ช่วยลดโอกาสในการซื้อหุ้นที่นึกว่าเป็น Super Company เพราะ PSR ต่ำ
• ช่วยเราประเมินว่า PSR ของ Super company สูงหรือต่ำ
องค์ประกอบในการซื้อSuper Stock โดยใช้ PRR
• อย่าซื้อหุ้น Super company ถ้า prr > 15
• หาบริษัทที่ prr 5-10 เท่าลงทุน
แต่ไม่ควรเอา PRR มาเป็นองค์ประกอบหลักในการตัดสินใจ
Part 3 การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
คุณลักษณะในเชิงธุรกิจที่Super Company ต้องมี
• เน้นเติบโต ผู้นำมีวิสัยทัศน์และให้ความสำคัญกับการเติบโตของบริษัท และส่งต่อไปให้พนักงาน
• การตลาดที่ยอดเยี่ยม ประกอบไปด้วย การโฆษณา ค้นคว้าตลาด นำเสนอสินค้า ประชาสัมพันธ์ การขาย การบริการ
• การวางแผนกลยุทธ์และผลิตภัณฑ์ เป็นข้อสำคัญที่สุดของการตลาด
• มีข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เช่น ต้นทุนการผลิตต่ำกว่า
• บรรยากาศการทำงานที่เปิดกว้างให้พนักงานมีส่วนร่วมในการเสนอแนะความคิด และ ค่าตอบแทนที่เหมาะสม
• การบริหารการเงินที่ยอดเยี่ยม สามารถควบคุม ติดตามค่าใช้จ่าย เช่น
1. งบการเงินของเดือนล่าสด ไตรมาสล่าสุด
2. งบการเงินในระดับการผลิต เดือนล่าสุด
3. ข้อมูลคำสั่งซื้อ สินค้าคงเหลือ การจัดส่ง และ สินค้าคงคลังเดือนล่าสุด
4. ค่าใช้จ่ายรายเดือน และ YTD จำแนกตามประเภท และเปรียบเทียบงบประมาณในหมวด GP ในงบกำไรขาดทุน
5. จำนวนพนักงานตามประเภทและเนื้องานที่ได้รับมอบหมาย เพื่อจะได้เพิ่มหรือลดคนตรงไหน เมื่อไหร่
การวิเคราะห์อัตรากำไร หรือ Profit margin ในอนาคตสำคัญมากในการลงทุน มีองค์ประกอบเยอะ ทั้งการประเมินมูลค่าตลาด ยอดขาย และรายได้ รวมถึง PSR , PER เป็นการนำการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมาใช้ร่วมกับการประเมินมูลค่า เน้นไปที่การวิเคราะห์ การประมาณการอัตรากำไรในอีกหลายปีข้างหน้าของบริษัท ยิ่งถ้าบริษัทกำลังเจอ Glitch เราจะได้เปรียบคนอื่นในการเข้าซื้อหุ้น
ช่วงที่บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะ เช่น เปลี่ยนผู้บริหารใหม่ แต่ตลาดยังไม่รับรู้ ก็เป็นโอกาสของนักลงทุนที่เข้าไปเยี่ยมบริษัท คำถามไม่ควรจะชี้นำ
แต่ถามในเรื่องกลยุทธ์การเพิ่มกำไรให้กับบริษัท เช่น
• บริษัทจะแก้ไขและพัฒนาองค์ประกอบที่จะทำให้ GP สูงขึ้น เป็นวิธีที่ยั่งยืนกว่า
• บริษัทจะเพิ่มกำไรโดยตัดต้นทุนในการขาย วิจัย และ บริหาร อันนี่เป็นวิธีไม่ค่อยยั่งยืน
อัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มได้จาก
• การวางแผนพัฒนาสินค้าให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าในอนาคต เพื่อสามารถกำหนดราคาและปริมาณการผลิตอย่างเหมาะสม
• การออกแบบสินค้าเพื่อลดต้นทุนวัสดุและกระบวนการผลิต โดยคุณภาพสินค้ายังตรงตามความต้องการของลูกค้าอยู่
• ต้นทุนการผลิตที่คุ้มค่าโดยที่คุณภาพไม่ตกในทุกขั้นตอนการผลิต
ข้อได้เปรียบ กับคู่แข่ง แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ ได้เปรียบด้านการตลาด ด้านการผลิต และ ด้านการวิจัย
นอกจากนี้ยังมี
• ข้อได้เปรียบด้านการจัดจำหน่ายและการเข้าถึงฐานลูกค้ากลุ่มต่างๆ
• การประหยัดต่อขนาด ด้วยการโฆษณาสินค้ากลุ่มเดียวกัน
• ความลับทางการค้า
• เริ่มต้นเร็วกว่าคนอื่น
• เทคนิคผลิตได้ถูกกว่าคนอื่น
• คุณภาพสินค้าที่ทำให้ลูกค้ายอมจ่ายแพง
• ส่วนแบ่งการตลาดมากกว่าคนอื่น
การวิเคราะห์อัตรากำไร โดยใช้สูตร
อัตรากำไรเฉลี่ยในระยะยาว = ((0.13*(ส่วนแบ่งการตลาด)*(ส่วนแบ่งการตลาด)*(1+อัตราการเติบโตของอุตสาหกรรม))/ ส่วนแบ่งการตลาดของคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุด
บริษัทจะมีศักยภาพในการทำกำไรมากน้อยแค่ไหน เราต้องไปดู
• ลูกค้า
• ซัพพลายเออร์
• คู่แข่ง มีอัตรากำไรสูงไหม และมีข้อได้เปรียบ ที่ไม่เหมือนใครหรือเปล่า
Part 4 ไดนามิก ลงมือทำ Fisher ปกติจะมองหาหุ้นที่มี
• PSR , PRR ต่ำ โดยต้องอยู่ในอุตสาหกรรมที่รู้จัก
• บริษัทที่กำลังขาดทุน และ ยังไม่เป็นที่รู้จัก
• โดยแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือประเมินว่าดูมีอนาคต
หลังจากได้หุ้นที่ผ่าน3เกณฑ์บนแล้ว ก็เริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับรายละเอียดข้อเท็จจริง เช่น แนวคิดผู้บริหาร จำนวนพนักงานฝ่ายการตลาดและฝ่ายขาย
เยี่ยมชมบริษัท อันนี้ในไทย เก่งเรื่องนี้ ต่อมาก็ติดต่อลูกค้าของบริษัท คู่แข่ง ซัพพลายเออร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน
ทำข้อสรุปออกมา
• ปัจจัยอะไรที่ทำให้ราคาหุ้นร่วงลงมา
• คาดการณ์อัตราการเติบโตของยอดขายในอีก5ปีข้างหน้า
• เป้าหมายอัตรากำไรของบริษัทควรอยู่ที่เท่าไหร่
• คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหุ้นตัวนี้ในอีกหลายปีข้างหน้า เมื่อทำกำไรไม่ได้ตามเป้า
• PER ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า จะเป็นอย่างไร
• ถ้าเราซื้อหุ้นตามจำนวนที่วางไว้ เราต้องใช้เงินเท่าไหร่ คิดเป็นกี่%ของบริษัท
จุดขายเมื่อไรดี
• PSR ขึ้นไปสูงมาก
• บริษัทเริ่มผิดเงื่อนไขการเป็น Super Company
แต่ถ้าเราซื้อหุ้นได้ถูกจังหวะ และ ปัจจัยพื้นฐานยังดีอยู่ และ ยังโตได้ PSR ไม่สูงเกินไป
ที่มา : Seminar knowledge by Amorn