ก่อนอื่น ต้องขอบคุณทาง TBX Financial จากสำนักพิมพ์ Thinkbeyondbook ที่ส่งหนังสือเล่มนี้มาให้ผมลองอ่านด้วยนะครับ แต่วันนี้เราจะมาเริ่ม #รีวิวแบบตรงไปตรงมา กันครับ
ต้องยอมรับว่า “ราคาหนังสือค่อนข้างสูง” เมื่อเทียบกับหนังสือหุ้นทั่วไป เพราะเล่มนี้มีค่าตัวประมาณ 1,690 บาทครับ อีกทั้งยังอยู่ในซีลพลาสติกอย่างดี ไม่เห็นเนื้อหาด้านให้ตัดสินใจ จนหลายท่านอาจต้องปล่อยผ่านไปก่อน (หนังสือเล่มนี้ ver. ภาษาอังกฤษ ได้คะแนนเฉลี่ย 4.4/5 จากผู้รีวิวเกือบ 800 คนใน Amazon และคะแนน 4.0 on Goodreads ซึ่งถือว่าได้เรทที่ดีไม่เบาเลยครับ)
ส่วนตัวผมลองอ่านแล้ว เจอเหตุผลหลายข้อที่พูดได้ว่าเล่มนี้ก็คุ้มค่าน่าอ่านครับ
1. เป็นหนังสือกระดาษอาร์ต ซึ่งจะแพงกว่ากระดาษปอนด์อยู่แล้ว และภาพสีจะคมชัดมากครับ แต่ข้อเสียคือต้นทุนแพง ต้องขายหนังสือราคาสูง น้ำหนักหนังสือเยอะพกพาลำบาก
2. ตัวหนังสือใหญ่สะใจ ภาพสีคมชัดมาก
3. เนื้อหาเกี่ยวกับ Wyckoff Method โดยตรง เน้นเนื้อๆ ทั้งเล่ม เป็นหนังสือที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย และละเอียดโคตรๆ ครับ แต่ว่าแม้จะอ่านง่าย แต่เนื้อหาค่อนข้างเป็น Advanced Technical Analysis ที่ต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ส่วนบุคคลมาปรับใช้อยู่พอสมควรครับ ส่วนตัวผมใช้ Wyckoff เป็นหลักอยู่แล้ว เลยไม่มีปัญหาอะไรครับ มองว่าบางเรื่องเราได้เข้าใจเนื้อหาที่ละเอียดขึ้น ลึกซึ้งขึ้น นำไปปรับใช้ได้ดีขึ้นด้วยครับ
Chapter 1 ปูพื้นฐานสำหรับมือใหม่มาก โดยจะพูดถึงการเคลื่อนไหวของตลาด เช่น คลื่น, วัฏจักรราคา, แนวโน้ม, ช่วงการสวิง
Chapter 2 พูดถึง กฎของอุปสงค์และอุปทาน (Law of Demand and Supply) ตั้งแต่ Bid-Offer (ในหนังสือจะเรียกเป็น Bid-Ask) และ Price Movement แต่ที่น่าสนใจที่สุดสำหรับผมคือเรื่อง “การดูดซับสภาพคล่อง” ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัจจัยสำคัญในการเก็งกำไรด้วยครับ กฎของเหตุและผล (Law of Cause and Effect) และเรื่องกฎแห่งแรงและผลของแรง (Law of Effort vs Result)
Chapter 3 กระบวนการสะสมและปล่อยของ เป็นอีกบทสำคัญที่ห้ามพลาดครับ จะอธิบายอย่างละเอียดตั้งแต่ช่วงสะสม - เก็บของ - ปล่อยของ อธิบายแบบแบไต๋ ละเอียด แต่ยังอ่านง่ายอยู่ บทนี้สามารถนำมาปรับใช้ได้ทุกตลาดครับ
Chapter 4 พูดถึงสัญญาณบอกเหตุการณ์ต่างๆ ว่าตลาดคิดอะไรอยู่ และมีโอกาสจะเกิดเหตุการณ์ไหนต่อไป เช่น สัญาณเทขายแรก, Selling or Buying Climax, Automatic Rally or Reaction, Test, UTAD ที่เป็นการยกหลอกแล้วทุบลง และอื่นๆ ที่ผมสนใจอีกเยอะครับ
Chapter 5 พูดถึงช่วงเวลาต่างๆ Phase ต่างๆ ตั้งแต่ Phase A-E ผมว่าแยกบทแบบนี้ก็ดีเหมือนกันครับ เพราะบทที่ 4 เนื้อหาค่อนข้างเยอะ ถ้าอธิบายมากกว่านี้โดยไม่พักเลย คงมึนกันน่าดูครับ โดยบทที่ 5 นี้จะแบ่งช่วงต่างๆ ให้เรารู้ว่าราคาหุ้นหรือตลาดอยู่ในช่วงไหนแล้ว
Chapter 6 โครงสร้างราคา เจาะลึกไปอีก !!
Chapter 7 แนวคิดขั้นกว่าในการเทรดแบบ Wyckoff บทนี้ก็น่าสนใจครับ เพราะเขาจะสื่อว่าแนวคิดตามทฤษฎีกับการปฏิบัติอาจไม่เหมือนกัน แล้วเราจะปรับตัวยังไงได้บ้าง หากทุกอย่างไม่เป็นไปตามทฤษฎี (มีทางหนี ทีไล่ แบบไม่อวยตัวเองด้วย)
Chapter 8 ปรับใช้ในการเทรดจริง Trade Setup และ Money Management ในเวอร์ชั่นปรับใช้กับ Wyckoff Method บทที่ 8 ก็อ่านไปเลยครับ อ่านเยอะๆ นำไปลองใช้บ่อยๆ Backtest บ่อยๆ เลยครับ เพราะส่วนตัวผมมองว่า #รู้อะไรไม่สำคัญเท่ารู้แล้วนำไปใช้ได้อย่างไร
Chapter 9 บทนี้เป็น Case Study ในตลาดต่างๆ เช่น S&P500, สกุลเงิน และหุ้นรายตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการยกตัวอย่างจากตลาดต่างประเทศ ไม่ใช่ตลาดหุ้นไทยครับ ดังนั้น อ่านอย่างเดียวไม่พอ ต้องควบคู่กับการลงมือทำและปรับใช้ให้ได้ด้วยครับ สุดท้ายเรามาให้คะแนนกันดีกว่าครับ
✨ Mindset (เน้นเนื้อหาทฤษฎีมากกว่า แต่ยังแทรกแนวคิดให้ไม่ขาดตกบกพร่อง) 3.5/5
✨ Medthod (เนื้อหากระชับ เข้าใจง่าย ทฤษฎีแน่นมาก) 10,000/5
✨ ความหนาของหนังสือ (ค่อนข้างหนา ประมาณ 390 หน้า และหนักมากกกก) 4.5/5
✨ คำศัพท์ (มีการใช้ศัพท์การลงทุน ภาษาอังกฤษค่อนข้างเยอะ แต่มีคำขยายความให้) 4/5
✨ เข้าใจง่าย (อ่านสนุก เนื้อๆ เน้นๆ เข้าใจง่าย) 5/5
✨ เนื้อหาโดยรวม (อ่านสนุก กระชับ เข้าใจง่าย ปรับใช้ได้ทุกตลาด ข้อเสียคือหนังสือราคาค่อนข้างสูงและน้ำหนักเยอะพกพาลำบาก แต่สำหรับคนที่ต้องการศึกษา Wyckoff Method เจาะลึกแบบละเอียดยิบ ต้องลองอ่านดูครับ #ความรู้ที่ได้มาแทบจะเป็นคอร์สเรียนคุณภาพคอร์สหนึ่งได้เลยครับ) 5/5
**ทั้งหมดเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมเองเท่านั้นนะครับ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะครับ #ขอให้เป็นวันเริ่มต้นที่ดีและมีความสุขกับการลงทุนนะครับ
ขอบคุณที่มา : No.9 Stock Experience